น้ำมันมะพร้าวก็เริ่มเป็นที่ฮือฮาในหลายแง่มุมขึ้นมา
โดยเฉพาะในเรื่องการรับประทานน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดความอ้วน
ต้องขอแก้ข่าวนี้ก่อนว่าไม่จริง
เพราะหลักการลดความอ้วนคือต้องลดอาหารลดไขมัน กินผักให้มากๆ และออกกำลังกาย
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่กินน้ำมันเสียเลย
เพราะเรายังต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่
ก็มีข้อเสนอว่าถ้าเราต้องกินน้ำมันก็ให้กินน้ำมันมะพร้าว
เพราะเป็นน้ำมันที่ให้พลังงานสูง
และเป็นพลังงานที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เลย
จึงไม่เสี่ยงต่อการสะสมในร่างกายอันเป็นสาเหตุหนึ่งของความอ้วนนั่นเอง
แต่ก็ต้องกินแบบพอดีด้วย
ซึ่งวิธีการใช้อย่างเหมาะสมนี้ก็ถือเป็นการช่วยลดความอ้วนทางอ้อมนั่นเอง หมอ
ขอแนะนำอย่างนี้ดีกว่า ไม่ใช่ไปกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดความอ้วน
เพราะโดยหลักการนั้นน้ำมันทุกชนิดย่อมทำให้อ้วนอยู่แล้ว
น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมากถึง 86%
สามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องได้นานโดยไม่เหม็นหืน
แต่จะจับตัวแข็งเป็นก้อนเมื่อถูกความเย็น
และถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นจะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 6 เดือน
เป็นน้ำมันที่ไม่มีควันเมื่อถูกความร้อนสูงจัด
จึงเหมาะที่จะนำไปทอดอาหารประเภทน้ำมันท่วมชนิดเดือดจัดๆ อย่างไก่ทอด
ปาท่องโก๋ กล้วยแขก เป็นต้น ซึ่งน้ำมันประเภทนี้จะเกิดสารอนุมูลอิสระน้อย
ผู้บริโภคจึงไม่ต้องเสี่ยงต่อโรคมะเร็งมากนัก
แต่เนื่องจากปริมาณกรดไขมันอิ่มตัวสูง
จึงอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจหรือหลอดเลือดอุดตันได้เช่นกัน
การสกัดน้ำมันมะพร้าวถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทยมาช้านาน
โดยเฉพาะการสกัดด้วยการเคี่ยวจนได้น้ำมัน เรียกว่า สกัดร้อน
แต่น้ำมันจะไปผ่านความร้อนทำให้คุณภาพลดลงบ้าง แต่ก็สามารถนำไปใช้ทาตัวได้
ส่วนวิธีการสกัดอีกแบบคือ การหมัก หรือ สกัดเย็น
จนได้น้ำมันใสบริสุทธิ์นั้นเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง
เพราะจะได้น้ำมันมะพร้าวที่ใสบริสุทธิ์น่าใช้
โดยเฉพาะการนำไปใช้เป็นเบสออยในสปา
วิธีการทำน้ำมันมะพร้าวแบบภูมิปัญญาชาวบ้านโดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีนี้
เหมาะสำหรับการทำแล้วใช้เพียง 7 วัน หรือหนึ่งเดือนแล้วใช้ให้หมด
เรียกว่าน้ำมันยังไม่ได้ทันเหม็นหืนเราก็คั้นเตรียมทำใหม่แล้ว
สำหรับที่มูลนิธิการแพทย์แผนไทย ในส่วนของศูนย์พัฒนาวัตถุดิบและร้านวาสุเทพ
เราก็ได้นำน้ำมันมะพร้าวจากชาวบ้านมาวางจำหน่าย
ซึ่งก็ได้รับความนิยมไม่น้อย
มีเพื่อนบ้านของไทยอย่างประเทศฟิลิปปินส์เวลานี้ส่งออกน้ำมันมะพร้าวแบบออร์
แกนิกไปขายยังอเมริกา สร้างรายได้เข้าประเทศชนิดยอดไม่ตกเลย
อย่างไรก็ตาม ในโลกของการแข่งขันทางธุรกิจแล้ว
การผลิตน้ำมันมะพร้าวในระดับภูมิปัญญาชาวบ้าน
อาจไม่สามารถแข่งขันกับตลาดได้มากนัก
เพราะถ้าระยะเวลาการเก็บได้เพียงไม่เกิน 6 เดือนนั้น
อาจทำให้อายุสินค้าสั้นลง
ฉะนั้นในระดับธุรกิจแล้วเราอาจจะต้องคำนึงถึงเรื่องการกำจัดความเหม็นหืน
ด้วย
ผู้ผลิตต้องคำนึงถึงจุดนี้ซึ่งคงต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นนั่นเอง
ในเวลานี้มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนาก็ได้ร่วมกับภาคเอกชน
หันมาทำน้ำมันมะพร้าวแบบไม่เหม็นหืน
ซึ่งวางแผนไว้ว่าอาจจะจัดตั้งโรงงานขึ้นที่จังหวัดราชบุรีเป็นโครงการนำร่อง
เพราะแถบนั้นมีมะพร้าวเยอะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่จัดทำขึ้นนี้เราจะใช้ชื่อว่า
"สึนามิ ครีม"
อีกไม่นานทางมูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนาก็จะมีผลิตภัณฑ์ตัวนี้ออกมาจำหน่าย
ซึ่งราคาก็คงแพง
กว่าแบบที่ผลิตโดยชาวบ้านสักหน่อย ส่วนการจัดตั้งโรงงานผลิตที่ภาคใต้นั้น
ขณะนี้หมอก็กำลังศึกษาลู่ทางอยู่ว่าจะทำอย่างไร
เพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัยสึนามิมีอาชีพและรายได้อย่างจริงจังเป็นรูปธรรมต่อ
ไป ในเวลานี้นิยมนำน้ำมันมะพร้าวมาใช้ในวงการสปาอย่างกว้างขวางมาก
และเริ่มมีการรื้อฟื้นถึงวิธีการใช้ประโยชน์จากน้ำมันมะพร้าว
อย่างที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เราเคยใช้ เช่น ใช้หมักผม
ซึ่งช่วยให้ผมดกดำและไม่หงอก ใช้ทารักษาบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
หรือใช้ทาผิวหน้าก่อนนอนเพื่อบำรุงผิวพรรณ
ทาตามข้อศอกและหัวเข่าเพื่อลดความหยาบกร้านของผิวหนัง
ซึ่งสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวได้เลย แต่อีกวิธีหนึ่งคือการนำไปเข้าตำรับยา
เช่น
1.เอาเหล้าโรง 1 ส่วน น้ำมันมะพร้าว 1 ส่วน น้ำปูนใส 1
ส่วน อย่างละเท่ากัน นำไปกวนให้เข้ากันดีจนมีลักษณะคล้ายน้ำมันข้น
ใช้สำลีจุ่มยาทาบริเวณที่ถูกไฟลวก ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อน
และเป็นยารักษาแผลเป็นได้อีกด้วย
2.เอายางตะเคียนกับน้ำมันมะพร้าวอย่างละเท่ากัน
ใส่กระทะตั้งไฟเคี่ยวให้ละลาย ใช้สำลีชุบทาบริเวณแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
จะช่วยให้แผลหายและไม่เป็นแผลเป็น
อันนี้เป็นหนึ่งในหลายภูมิปัญญาของคนไทยเรา ซึ่งการนำน้ำมันมะพร้าวมาใช้ไม่ใช่เฉพาะแค่การรับประทานเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อความงามและ
ใช้ในการรักษาโรคได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม
หมอขอย้ำว่าน้ำมันมะพร้าวไม่สามารถลดความอ้วนได้โดยตรง
กระบวนการที่เกิดขึ้นนั้นมันช่วยได้ทางอ้อม
ซึ่งต้องกินในปริมาณที่น้อยและร่างกายสามารถนำไปใช้ได้หมดด้วย
สรุปที่หมออยากบอกก็คือ
ในกรณีที่เราต้องกินน้ำมันอยู่แล้วก็ลองหันมากินน้ำมันมะพร้าวแทนนั่นเอง
ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับการลดความอ้วน จาก หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น