วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แม่ท้องไม่สบาย ..ใช้ยาได้ไหมเนี่ย ?


โดย: ผศ.ดร.นพ.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร

แม่ท้อง ก็มีวันเจ็บไข้ได้เหมือนกันนะ สงสัยจังว่า..จะดูแลตัวเองยังไงดี

“โอย…!  ไม่สบาย มา 2-3 วันแล้ว เจ็บคอจังเลย น้ำมูกก็เยอะ หายใจไม่ออก ทำยังไงดี ยาก็ไม่กล้ากินเพราะท้องอยู่”

“ตอนนี้ท้องแล้ว ยาที่เคยกินเป็นประจำ จะกินต่อได้ไหมนี่ ?”
“ตายแล้ว…เมื่อวานกินยาแก้ปวดไป 2 เม็ด จะเป็นอะไรไหมนี่ กำลังท้องอยู่เสียด้วย”

เมื่อไม่ สบายเล็กๆ น้อยๆ คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่คงเคยคิดสงสัยแบบนี้มาแล้วและพอพูดถึงเรื่องไม่สบาย คงหนีไม่พ้นที่ต้องพูดถึงเรื่องยาด้วย หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของยาบางอย่างที่ทำให้ลูกน้อยในท้องพิการ จึงทำให้เกิดความกังวลเวลาไม่สบายขึ้นมา(เพราะอาจต้องกินยา)

จริงครับ ยาบางชนิดอาจมีผลร้ายแรงต่อลูกในท้อง สามารถทำให้เกิดการแท้ง หรือพิการแต่กำเนิดได้ แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ยาที่ใช้กันทั่วไปส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างปลอดภัยทั้งกับคุณแม่และลูกในท้อง แต่เพื่อความไม่ประมาท เมื่อจะใช้ยาคุณแม่ควรต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าแพทย์ผู้ดูแลไม่ได้สั่งยานั้นให้(ซื้อเองตามร้านขายยาทั่วไป)

แม่กินยา..ลูกกินด้วย

ยาเกือบ ทุกชนิด เมื่อคุณแม่กินเข้าไป จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด และส่วนหนึ่งจะผ่านรกไปสู่ลูกในท้อง ทำให้ลูกได้รับยานั้นด้วย ยาจะก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกในท้องหรือไม่นั้น ขึ้นกับว่าเป็นยาชนิดอันตรายมากน้อยแค่ไหน และลูกได้รับในปริมาณเพียงใด ที่สำคัญยังขึ้นกับระยะของการตั้งครรภ์อีกด้วย
โดยปกติแล้ว ช่วงเวลาที่อันตรายและอาจทำให้ลูกน้อยเกิดความพิการได้มากที่สุด คือช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ทารกกำลังสร้างอวัยวะต่างๆ อยู่ ถ้ามีอะไรไปรบกวนในช่วงนี้จะทำให้เกิดความพิการขึ้นมาได้

เมื่อพ้นช่วงนี้ไปแล้วมักไม่มีผลทำ ให้เกิดความพิการอะไรหรอกครับ แต่จะไปมีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์มากกว่า ที่สำคัญอีกอย่างคือ มีผลต่อสมอง ซึ่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยตลอดตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนหลังคลอด ดังนั้นยาบางชนิดแม้จะไม่ก่อให้เกิดความพิการที่เห็นได้ชัดทางร่างกาย แต่อาจมีผลต่อพัฒนาการของสมองของลูกได้

ใช้ยาให้ปลอดภัย

คุณแม่คงสงสัยว่า แล้วอย่างนี้ถ้า ไม่สบาย ขึ้นมาระหว่างที่ท้องอยู่จะทำอย่างไรดี? จะรับประทานยาได้หรือไม่ ? แล้วยาชนิดไหนอันตราย ? คำถามนี้ตอบยาก คงต้องพิจารณาเป็นกรณีไปครับ แต่มีคำแนะนำโดยทั่วไปอยู่บ้าง ถ้าคุณแม่เกิด ไม่สบาย ขึ้นมาหรือจำเป็นต้องรับประทานยาระหว่างตั้งครรภ์

* อย่าลืมประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า คุณแม่กำลังตั้งครรภ์อยู่ โดยบอกให้แพทย์ เภสัชกร หรือใครก็ตามที่จะรักษาคุณแม่รู้ว่า ฉันกำลังท้องอยู่นะคะ โดยเฉพาะถ้าเพิ่งตั้งครรภ์ (ท้องโตมากแล้วคงไม่ต้องก็ได้ มันเห็นๆ กันอยู่น่ะ)

* ถ้าเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาใดๆ ก็ตามในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะยาที่ซื้อใช้เอง

* ถามตัวเองหรือหมอที่ดูแลว่า จำเป็นต้องใช้ยารักษาอาการไม่สบายที่เกิดขึ้นนั้นหรือไม่ มีทางเลือกอื่นบ้างหรือไม่ที่ไม่ต้องใช้ยา

* ถ้าจะต้องใช้ยาชนิดใดก็ตาม คุณแม่ต้องทราบให้แน่ชัดว่า ยานั้นใช้เพื่อรักษาอะไร และมีผลข้างเคียงหรือไม่ อย่างไร โดยเฉพาะกับลูกในครรภ์ คุณแม่อย่าไปเชื่อเอกสารกำกับยาเสียทีเดียวนะครับ บางทีรายละเอียดในนั้นมีไม่มากพอสำหรับแม่ตั้งครรภ์ อีกอย่างในบ้านเรามักไม่มีเอกสารกำกับยาให้ด้วยซ้ำ ดังนั้นควรปรึกษากับเภสัชกรหรือแพทย์เป็นดีที่สุดครับ

* ปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล ว่ายาชนิดไหนปลอดภัยและอันตรายสำหรับแม่ตั้งครรภ์เสียตั้งแต่เริ่มไปฝากครรภ์

* อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจ ถ้ารับประทานยาบางชนิดเข้าไปแล้ว โดยเฉพาะตอนที่ยังไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ใจเย็นๆ ครับ เพราะอย่างที่บอก ยาส่วนใหญ่นั้นปลอดภัย แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความแน่นอนและสบายใจดีกว่าครับ

* ในกรณีที่คุณแม่มีโรคประจำตัว ต้องรับประทานยาบางชนิดอยู่เป็นประจำนั้น เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาถึงผลข้างเคียง ขนาดของยาและความจำเป็นที่จะต้องใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ แต่จะให้ดีที่สุด ควรปรึกษากันเสียก่อน ตั้งแต่เริ่มวางแผนว่าจะตั้งครรภ์ครับ รวมทั้งต้องคำนึงด้วยว่า ถ้าไม่ใช้ยารักษาโรคที่เป็นอยู่ จะส่งผลต่อการตั้งครรภ์หรือลูกในท้องหรือไม่ อย่างไร

* ระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรใช้ยาในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดกับลูกให้มากที่สุด และเมื่อเกิดอาการไม่สบายขึ้นมา ถ้าเป็นไม่มากนักการดูแลรักษาตัวเองอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยให้คุณแม่หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็นได้

แต่ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาจริงๆ หัวใจสำคัญคือ ต้องใช้อย่างระมัดที่สุด หรือใช้ยาโดยไม่ได้อยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์

ดูแลรักษาตัวเองกันดีกว่า

อาการเจ็บไข้ไม่สบายบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องไปหาหมอหรือกินยาเสมอไปหรอกครับ คุณแม่สามารถดูแลรักษาตัวเองได้

* ไข้หวัด
พบได้บ่อยมาก เป็นกันเกือบทุกคนแหละครับ ส่วนใหญ่ก็มีอาการไข้ ปวดศีรษะมีน้ำมูก ไอ หรืออาจมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย ถ้าเป็นไม่รุนแรงมักหายได้เองถ้าดูแลรักษาตัวอย่างถูกวิธี ก็โดยการพักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำเยอะๆ รักษาร่างกายให้อบอุ่น แค่นี้ก็เพียงพอครับ นอกจากนั้นก็อาจใช้ยาช่วยรักษาตามอาการด้วยก็ได้

สำหรับอาการไข้หรือปวดศีรษะ สามารถใช้ยาพาราเซตามอลแก้ปวด ลดไข้ได้เพราะปลอดภัย โดยรับประทานครั้งละ 2 เม็ดทุก 4-6 ชั่วโมง ถ้ารู้สึกว่ามีไข้ ควรวัดอุณหภูมิสักหน่อยก็ดี ถ้าไข้ไม่สูงก็ลองรับประทานยาไปก่อนได้ แต่ถ้าไข้สูงเกิน 37.80 C ควรปรึกษาแพทย์ เรื่องของยาแก้หวัดลดน้ำมูกนั้น ที่ใช้กันทั่วไปก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนยาปฏิชีวนะหรือยาแก้อักเสบที่ เรียกๆ กันนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกราย จะใช้ก็ในกรณีที่คออักเสบหรือทอนซิลอักเสบร่วมด้วย ส่วนใหญ่ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาไข้หวัดนั้นก็ปลอดภัย แต่ไม่แนะนำให้ไปซื้อมารับประทานเอง ควรให้แพทย์สั่งให้จะดีกว่า

* ท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรือโรคกระเพาะอาหาร

พบได้บ่อยพอสมควรในคนท้อง เนื่องจากระบบการย่อยอาหารทำงานเปลี่ยนไปคุณแม่ที่มีอาการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้วต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดี ครับ โดยพยายามรับประทานอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย และควรเปลี่ยนวิธีรับประทานอาหาร โดยรับประทานทีละไม่มาก และบ่อยๆ แทนที่จะรับประทานเป็นมื้อใหญ่ๆ (ทีละน้อยแต่ทั้งวันว่างั้นเถอะ) แต่ถ้ามีอาการมากอาจใช้ยาเคลือบกระเพาะ ลดกรดช่วยได้ ซึ่งปลอดภัยครับ

* ท้องผูก

นี่ก็เป็นปัญหาที่พบในแม่ตั้งครรภ์เกือบทุกคน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงตามปกติครับ การดูแลรักษาตัวเองทำได้โดยพยายามรับประทานผัก ผลไม้มากๆ เพื่อเพิ่มกากอาหาร นอกจากนั้นควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อไม่ให้อุจจาระแข็งเกินไป จะช่วยให้ถ่ายสะดวกขึ้น ในกรณีที่เป็นมากจริงๆ ก็คงต้องพึ่งยาระบายครับ แต่ควรเป็นยาระบายชนิดที่ช่วยเพิ่มกากอาหาร หรือชนิดที่ทำให้อุจจาระอ่อนจะดีกว่าชนิดที่กระตุ้นการทำงานของลำไส้ครับ

* ท้องเสีย

พบได้ไม่ บ่อยนัก และส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงครับ ถ้าเพียงถ่ายเหลวไม่กี่ครั้งก็คงไม่มีอันตรายต่อทั้งคุณแม่และลูก เพียงแค่ดื่มน้ำมากๆ หรือดื่มน้ำผสมผงเกลือแร่ก็ได้ อาการก็มักจะหายไปเอง แต่ถ้าถ่ายเหลวและมีมูกหรือเลือดปนออกมาด้วย ควรไปพบแพทย์ครับ
อาการ เหล่านี้จะเกิดขึ้นกับระบบใดระบบหนึ่งของร่างกาย จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อลูกในท้อง เช่น ท้องผูกก็ส่งผลแค่กับระบบขับถ่าย ไม่ส่งผลกับลูก แต่ที่ต้องระวังคือยาที่ใช้ ผิดกับโรคที่เกิดขึ้นกับร่างกายทั้งระบบ เช่น เบาหวาน ซึ่งส่งผลทั้งกับแม่และลูก และการรักษาก็ต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งยาที่ใช้ด้วย

ใช้ยาตามหมอสั่งอย่างเคร่งครัด

ในกรณี ที่แพทย์สั่งยาให้คุณแม่ไปรับประทาน โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ ก็ควรรับประทานให้ตรงตามแพทย์สั่งจนหมด เพื่อให้อาการหายขาดและป้องกันการดื้อยาด้วย แต่ส่วนใหญ่ที่เคยพบนั้น คุณแม่จะกลัวมาก จึงหยุดรับประทานยาเมื่ออาการดีขึ้น ผลก็คืออาการไม่หายขาดและกลับเป็นซ้ำขึ้นมาอีก ซึ่งบางรายอาจต้องใช้ยาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ อีกกรณีหนึ่งก็คือคุณแม่กลัวจะไม่หาย แม้กระทั่งยาหมดแล้วก็อุตส่าห์ไปหาซื้อยามารับประทานเพิ่มอีก อย่างนี้ก็ได้รับยาโดยไม่จำเป็นครับ

สรุปว่า ถ้าไม่สบายระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ต้องกังวลให้มาก ปฏิบัติตัวตามที่แนะนำ

ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับแม่และเด็ก แม่ท้องไม่สบาย ..ใช้ยาได้ไหมเนี่ย ? จาก Momy pedia

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น